ครูโยคะคนใหม่

วันนี้ฉันตี่นนอนด้วยอาการที่ปวดเมื่อยไปทั้งตัวจนแทบลุกไม่ขึ้น  สาเหตุก็มาจากเมื่อวานเพิ่งลงเรียนโยคะกับครูสอนโยคะคนใหม่เป็นวันแรก  หลังจากห่างหายกับการเรียนมานานเกือบเดือน   ครูคนใหม่ของฉันชื่อลิซ่าค่ะ อายุ 42 ปี ตอนที่เห็นในรูปครั้งแรกอึ้งค่ะ  เพราะมีรอยสักเต็มแขน และรูปร่างก็ค่อนข้างใหญ่แตกต่างจากครูสอนโยคะคนเก่าที่รูปร่างดีมาก   คิดในใจว่าจะลงเรียนดีหรือเปล่านะ   แต่เมื่อได้เจอตัวจริงและได้เรียน กับครูแล้ว ครูสอนดีมาก รอยสักที่ฉันคิดว่ามันน่าเกลียดนั้น จริงๆ แล้วมันก็สวยดี  ถึงแม้ว่าหุ่นครูจะใหญ่ไปนิดแต่ก็ไม่ได้เป็นอุปสรรคในการสอนซักนิดเดียว ตรงกันข้ามครูเล่นได้ดีมากเกินไปด้วยซ้ำ  ฉันเล่นไม่ถึงสิบนาทีเหงื่อก็ออกเต็มตัวแล้ว  ครั้งแรกที่ฉันตัดสินใจลงเรียนโยคะเมื่อก่อนหน้านี้ก็เพราะตามเพื่อนค่ะ ปกติเป็นคนที่ค่อนข้างขี้เกียจออกกำลังกายมาก ทั้งๆ ที่สมัยตอนเป็นวัยรุ่นก็เป็นนักกีฬาคนหนึ่งเหมือนกัน ตอนที่เล่นช่วงแรกๆ ก็เจ็บไปหมดทั้งตัวจนเกือบจะถอดใจแล้ว คิดแต่ว่ากรูจะทรมานตัวเองไปทำไม(วะ) แต่พอเล่นไปเรื่อยๆ ก็รู้สึกว่าตัวเองแข็งแรงขึ้น ไม่เหนื่อยง่าย  กล้ามเนื้อก็รู้สึกว่ากระชับขึ้น มีสมาธิมากขึ้น และที่ถูกใจมากที่สุดคือน้ำหนักเพิ่มขึ้นด้วย อ่านแล้วอย่าตกใจจนพาลไม่กล้าเล่นโยคะนะคะ เพราะจริงๆ แล้วถ้าเราเล่นโยคะควบคู่กับการควบคุมอาหาร รับรองน้ำหนักลดแน่นอนค่ะ  แถมลดแบบสุขภาพดีด้วยนะคะ ที่กล้ายืนยันเพราะมีพี่ๆ หลายคนเป็นตัวอย่างที่ดีค่ะ สาเหตุที่ฉันน้ำหนักเพิ่มขึ้นก็เพราะว่าหลังจากเล่นโยคะเสร็จก็จะไปทานอาหารทันที   จากเดิมเป็นคนที่ค่อนข้างผอมมากและทานอาหารต่อมื้อได้น้อย ก็ทานได้มากขึ้น ทำให้น้ำหนักจากเดิม 45 กิโลก็เพิ่มเป็น 48 กิโล

คิดว่าจะพยายามให้น้ำหนักเพิ่มอีกสักสองกิโลจะได้มีรูปร่างเป็นเนื้อกับเขาบ้าง 

แผลร้อนใน

ใครเคยเป็นแผลร้อนในยกมือขึ้น ?

เชื่อว่ามีใครหลายคนก็เคยเป็นโรคนี้นะคะ  แผลร้อนในเป็นโรคที่พบได้บ่อย โดยเกิดขึ้นที่เยื่อบุผิวของช่องปากที่อาจเกิดเพียงหนึ่งหรือหลายแห่ง ซึ่งเจ็บปวดมาก สาเหตุมาจากความผิดปกติของระบบภูมิคุ้มกัน สภาพทางจิตใจและสังคม เกิดจากความเครียดและมีการทำงานที่มีความแข่งขันสูง อาจเกิดจากลักษณะทางกรรมพันธุ์ และภาวะขาดสารอาหาร โดยเฉพาะขาดธาตุเหล็ก โฟเลท หรือวิตามินบี 12 นอกจากนี้ยังพบได้ในผู้หญิงก่อนมีประจำเดือน

ลักษณะแผลร้อนใน

1.แผลร้อนในขนาดเล็ก  พบได้บ่อยในกลุ่มผู้มีอายุระหว่าง 15-45 ปี พบในเพศหญิงมากกว่าเพศชายเล็กน้อย มักพบบริเวณเยื่อเมือกด้านริมฝีปาก ด้านแก้ม, กระพุ้งแก้ม และขอบของลิ้น รอยโรคมักปรากฏอยู่ในช่องปาก ประมาณ 14 วัน และมีอาการเจ็บปวดในช่วงสั้นๆ  แต่เมื่อเยื่อบุผิวในช่องปากฉีกขาด จะเป็นแผลซึ่งมีลักษณะกลมรี มีสีเหลืองอ่อนและมีความเจ็บปวดมากขึ้น

2. แผลร้อนในขนาดใหญ่ พบได้น้อยกว่าแผลขนาดเล็ก แต่ทำให้ผู้ป่วยมีความเจ็บปวดการทานอาหาร การพูด หรือการกลืนน้ำลายจะยากลำบาก พบได้ทุกบริเวณในช่องปาก การหายของแผลกินเวลาประมาณ 10-40 วัน มักมีรอยแผลเป็นหลงเหลืออยู่

3. แผลชนิดคล้ายเฮอร์ปีส์ (herpetiform ulceration) มีลักษณะคล้ายแผลขนาดเล็ก พบได้บ่อยบริเวณใต้ลิ้น เพดานอ่อน ริมฝีปากด้านใน ลักษณะแผลจะเป็นกลุ่มและเจ็บปวด หายได้ภายใน 10-14 วัน ผู้ป่วยมักกลืนลำบาก  และน้ำหนักลด เนื่องจากรับประทานอาหารลำบากและไม่เพียงพอ

      ในปัจจุบันยังไม่ยาชนิดใดรักษาโรคนี้ให้หายขาด โดยไม่ปรากฏอาการเกิดขึ้นมาอีก ดังนั้น การรักษาที่นิยมในปัจจุบันคือ รักษาไปตามอาการโดยให้ สเตียรอยด์ทาเฉพาะที่ เพื่อลดอาการเจ็บและอาการอักเสบ

เมื่อมีอาการเป็นแผลร้อนใน ควรหลีกเลี่ยงอาหารเค็มจัด และอาหารที่มีกรดหรือรสเปรี้ยวเช่น ผักดอง รวมไปถึงขนมหวานที่เคี้ยวจนเหนียว รวมทั้งเครื่องดื่มประเภทแอลกอฮอล์  ซึ่งจะทำให้แผลในปากที่เป็นอยู่มีอาการรุนแรงขึ้น นอกจากนี้ควรบ้วนปากด้วยน้ำเกลือวันละ 2-3 ครั้ง และถ้าแผลไม่หายภายในสามสัปดาห์ควรไปพบแพทย์

พึงระลึกไว้ว่า แผลร้อนในเป็นสัญญาณเตือนว่าร่างกายกำลังเหนื่อยล้าหรือทรุดโทรม จึงต้องดูแลตัวเองให้แข็งแรงด้วยการกินอาหารให้เหมาะสม นอนหลับอย่างเพียงพอและออกกำลังกายกลางแจ้งในที่ที่มีอากาศบริสุทธิ์เป็นประจำ จะช่วยลดความเสี่ยงจากโรคนี้ลงไปได้ค่ะ

เรื่องของเจ้าเหมียวอ้วน(ตอนที่ 2)

เมื่อเจ้าเบนซ์โดนหั่นจู๋

ด้วยความที่มันจะคอยหาเรื่องแมวตัวอื่นไปทั่ว จนทำให้หลายๆคนบอกให้ฉันเอามันไปปล่อยวัด ฉันเองก็เกือบจะคล้อยตามไปแล้ว แต่มาคิดดูอีกที ไหนๆ ก็เลี้ยงมันมาแล้ว ไฉนเลยจะใจดำปล่อยให้มันไปเผชิญชะตากรรมตามลำพังได้ ก็เลยตัดสินใจพามันไปทำหมันที่คลินิกสัตว์ ซึ่งก็ได้ผลค่ะ นิสัยมันเปลี่ยนไปจากหน้ามือเป็นหลังมือเลย จากที่เคยอันธพาล มันก็เอาแต่กินๆๆๆ แล้วก็นอนๆๆๆ จนกลายเป็นแมวอ้วนไปโดยปริยาย ฉันก็เลยโล่งใจที่ไม่ต้องทำบาปด้วยการพามันไปปล่อยวัด และก็ไม่ต้องทนฟังเสียงแมวกัดกันอีก

 

ชีวิตของเจ้าหมูอ้วน

เจ้าเบนซ์เป็นแมวไทยที่มีโครงร่างค่อนข้างเล็ก แต่ด้วยความที่มันกินจุมาก (ฉันให้อาหารแมวเป็นอาหารสำเร็จรูป เนื่องจากสะดวกที่สุด จนทำให้แมวที่เลี้ยงทุกตัวกินข้าวไม่เป็น) ตัวมันก็เลยอ้วนท้วนสมบูรณ์ จนมันมีชื่ออีกชื่อนึงว่า เจ้าหมูอ้วน   เจ้าเบนซ์เป็นแมวที่ค่อนข้างขี้กลัวมาก อาจจะเป็นเพราะวีรกรรมที่มันเคยก่อไว้ ทำให้มันโดนตีบ่อย ๆ  เวลาเพื่อนๆ มาที่บ้าน เพียงแค่มันได้ยินเสียงมันก็จะรีบวิ่งเข้าไปในสวนหลังบ้านทันที และจะไม่ออกมาจนกระทั่งเพื่อนๆ กลับกันหมดแล้วนั่นแหละ ทีนี้ก็เดือดร้อนถึงฉันที่จะต้องคอยเรียกให้มันกลับเข้าบ้าน ซึ่งส่วนใหญ่ก็ดึกโน่นแหละมันถึงจะกลับเข้ามา

หลังจากที่มันโดนหั่นจู๋ มันก็เปลี่ยนไป จากที่เคยชอบกัดกับเจ้าบิ๊ก กลับกลายเป็นว่ามันชอบเข้าไปคลอเคลียกับเจ้าบิ๊กซะนี่  มันจะตามเจ้าบิ๊กแจจนบางครั้งเจ้าบิ๊กรำคาญหันไปตบซะทีนึง แต่มันก็ไม่หลาบจำ ปกติเจ้าบิ๊กจะมีที่นอนประจำอยู่ในบ้านหลายที่ เจ้าเบนซ์ก็จะเข้าไปยึดครองเป็นที่นอนประจำของมันแบบไม่รู้ไม่ชี้ซะ

เรื่องของเจ้าเหมียวอ้วน(ตอนที่ 1)

ฉันได้สมาชิกใหม่เข้ามาเพิ่มอีก  1ชีวิตโดยไม่ได้ตั้งใจ จากที่มีอยู่แล้ว 3 ชีวิต เรื่องมันมีอยู่ว่า วันหนึ่งกำลังนั่งทำงานอยู่ในออฟฟิศ ได้ยินเสียงเจ้ามอมกับเจ้าโต หมาจรจัดที่เลี้ยงไว้ตั้งแต่รุ่นแม่ของมัน (เอาไว้ถ้ามีโอกาสจะเขียนให้อ่านคราวหลัง) เห่าเสียงดังที่ด้านหลังออฟฟิศ ซึ่งเป็นสนามเด็กเล่น ก็เลยรีบออกไปดูปรากฏว่า มันกำลังเห่าและพยายามจะปีนขึ้นบนต้นไม้ที่มีลูกแมวหน้าตามอมแมมที่นั่ง (ยืน) อยู่อย่างตัวสั่นงันงกอยู่บนนั้น  โดยไม่รอช้ารีบเรียกคุณแม่บ้านให้ไปช่วยไล่ไอ้เจ้าสองตัว ส่วนฉันรีบปีนขึ้นไปบนต้นไม้เพื่อจะเอาลูกแมวตัวน้อยลงมาให้ได้ แต่มันไม่ได้ง่ายอย่างที่คิด พอฉันพยายามจะดึงเจ้าตัวน้อย มันก็รีบปีนไปยังกิ่งไม้เล็กๆ กิ่งแล้วกิ่งเล่า จนฉันเกือบถอดใจที่จะไม่ช่วยแล้ว เพราะไม่อยากเสี่ยงตกต้นไม้ใหญ่ตาย (น่าเสียดายตรงที่ยังไม่มีแฟน กลัวจะตอบคำถามยมบาลไม่ถูก) ก็เลยให้คุณแม่บ้านเอาไม้ยาวๆ กระทุ้งตรงบริเวณปลายๆ กิ่งไม้ เพื่อให้มันกลับมายังจุดที่ฉันอยู่ ปรากฏว่าได้ผลชะงัด ฉันก็เลยเอามันลงมาจากต้นไม้ด้วยความทุลักทุเลพอสมควร  เมื่อเอาดูใกล้ๆ ตัวมันเล็ก  สีน้ำตาล เพศผู้ อายุน่าจะไม่เกิน 2 เดือน ผอมบักโกรกและหน้าตามอมแมมมาก แต่ด้วยความสงสารก็เลยนำกลับไปเลี้ยงที่บ้าน มันก็เลยกลายเป็นสมาชิกใหม่ไปโดยปริยาย น้องสาวฉันก็เลยตั้งชื่อว่า เจ้าทอง

ตอนแรกที่นำเจ้าทองกลับไปบ้าน ด้วยความกลัวว่าไอ้เจ้า 3 ตัวที่ฉันเลี้ยงไว้ก่อนหน้านี้จะเขม่นเอา ก็เลยเอาไปขังไว้ในห้องนอนและเพื่อให้มันคุ้นกับสถานที่ด้วย  ซึ่งภายหลัง เวลามันเข้าห้องนี้ทีไรก็เป็นเรื่องทุกที ทำไมน่ะหรือ เวลามันปวดอึ มันจะรีบวิ่งเข้าห้องเพื่อที่จะอึบนเตียงนอนค่ะ ทีนี้ก็เดือดร้อนถึงเจ้าของห้องสิ วันไหนที่ลืมปิดประตูห้อง ก็จะต้องเก็บก้อนอึมันทุกครั้ง ขอโทษค่ะ ไม่ใช่แบบธรรมดานะคะ โคตรเหม็นเลยค่ะ  มันก็เลยโดนตีเป็นประจำ แต่ก็ยังไม่หลาบจำซะที น้องสาวก็เลยมีความเห็นว่าน่าจะเป็นเพราะชื่อไม่ถูกโฉลกชัวร์ (เหมือนกับคนเลยนิ)  ก็เลยตั้งชื่อใหม่เป็น เจ้าเบนซ์   ซึ่งได้ผลค่ะ  อาการชอบถ่ายบนเตียงนอนหายเป็นปลิดทิ้ง  นับตั้งแต่นั้นมา มันก็เลยชื่อเจ้าเบนซ์มาจนบัดนี้

วีรกรรมของเจ้าเบนซ์มีมากเนื่องจากมันเป็นเพศผู้ จึงชอบเขม่นกับเจ้าบิ๊กอยู่บ่อยครั้ง มันค่อนข้างอันธพาลมาก ฉันเองยังโดนมันกัดเพียงเพราะมันกำลังโกรธเจ้าบิ๊กจนเป็นแผลเป็นมาจนถึงทุกวันนี้

จุดเปลี่ยน…

วันนี้ รู้สึกคิดถึงแมวสองตัวที่ฉันเคยเลี้ยงไว้ตั้งแต่รุ่นแม่ของมัน เป็นแมวสีขาวทั้งสองตัว เพศผู้ชื่อบิ๊ก ส่วนเพศเมียชื่อ ปุ๊กลุก เมื่อสองเดือนที่แล้วฉันเอากลับไปให้แม่เลี้ยงที่บ้านที่ต่างจังหวัด เนื่องจากอพาร์ทเมนท์ที่ฉันย้ายไปอยู่เขาห้ามเลี้ยงสัตว์  (แต่ก็มีแมวที่อพาร์ทเมนท์อยู่ 1 ตัว แล้วฉันจะเล่าให้ฟังในโอกาสหน้า)  ที่จริงถ้าเจ้าของบ้านเช่าเขาไม่ขึ้นราคาค่าเช่าบ้านสูงจนเกินไปนัก ฉันก็ยังไม่คิดจะไปอยู่อพาร์ทเมนท์หรอก ฉันยินดีจ่ายเงินเพื่อจะให้แมวได้อยู่อย่างสบายๆ มากกว่า แต่ก็นั่นแหละ บวกลบคุณหารแล้ว ก็ต้องตัดใจ และอีกอย่างอพาร์ทเมนท์ที่ไปอยู่ก็เป็นของบริษัทฯ ที่จัดให้เป็นสวัสดิการแก่พนักงานด้วย และที่สำคัญคือไม่ต้องรีบตื่นเช้าเพราะที่พักอยู่ใกล้ที่ทำงาน (ไม่อยากบอกเลยว่าฉันเป็นคนที่ชอบนอนตื่นสาย)

     ช่วงแรกที่ไปอยู่ที่อพาร์ทเมนท์ เชื่อมั๊ยว่าฉันนอนร้องไห้คิดถึงเจ้าสองตัวทุกคืน ด้วยความที่อยู่ด้วยกันมาตลอดเวลาเกือบ 6 ปี มันกลายเป็นความผูกพันจนรู้สึกเหมือนกับว่าฉันทำความสุขหล่นหายไปจริงๆ ก็ชีวิตสาวโสดนี่นะ พอไม่มีแมวเป็นเพื่อนก็รู้สึกว่ามันเหงามาก ชีวิตมันว่างเปล่ายังไงพิกล ไม่รู้ว่ามีใครเคยรู้สึกอย่างนี้บ้างหรือเปล่านะ

     ฉันมักจะโทรศัพท์ไปคุยกับแม่เกือบทุกวัน ซึ่งคำถามแรกที่ถามคือ แมวเป็นยังไงบ้าง? หรือบางทีฉันก็คุยโทรศัพท์กับแมวด้วย คุณอาจจะงงว่าแล้วมันฟังรู้เรื่องหรือ ขอตอบว่าแมวฟังรู้เรื่องค่ะ วิธีการคือให้น้องสาวเอาโทรศัพท์ไปแนบหูแมว แล้วฉันก็จะคุยกับมันไปเรื่อยๆ ซึ่งน้องสาวก็บอกว่ามันจะกระดิกหูฟังนิ่งเลยล่ะ แต่อย่าคุยนานก็แล้วกัน เพราะแมวก็คือแมว มันจะจดจ่ออยู่กับสิ่งหนึ่งสิ่งใดได้ไม่นานหรอก  ถ้าใครจะเอาไอเดียนี้ไปใช้ก็ไม่ว่ากันค่ะ แล้วอย่าลืมเล่าให้ฟังบ้างแล้วกันนะคะ

แมวของแม่

*****แม่ฉันเป็นคนรักแมวมาก จนลูกๆ ทุกคนของแม่กลายเป็นคนรักแมวไปด้วย ที่บ้านแม่ (ที่เริ่มต้นอย่างนี้เพราะว่าฉันมี 2 บ้านคือบ้านของตา-ยาย และบ้านแม่) เลี้ยงแมวไว้หลายสิบตัว สาเหตุที่ไม่รู้จำนวนที่แน่นอน เนื่องจากการเพิ่มขึ้นและลดลงของแมวมีอยู่ตลอดเวลา จนฉันขี้เกียจนับ ส่วนใหญ่เป็นแมวที่เก็บมาจากตลาดบ้าง ชาวบ้านแถวนั้นเอามาปล่อยบ้าง (เพราะรู้ว่าแม่ชอบแมว)  หรือบางครั้งน้องชายไปเจอแมวขาหัก ตาบอด ฯลฯ ก็นำมาให้แม่เลี้ยงด้วยเช่นกัน แต่แม่ก็ไม่เคยบ่นสักครั้ง

     แม่มักจะตั้งชื่อแมวตามสีของมัน เช่น ดำ ขาว ลาย เทา ฯลฯ พอจำนวนแมวเพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆ แม่ก็ขี้เกียจตั้งชื่อ ก็จะเรียกเจ้าเหมียวทุกตัว กลายเป็นว่าเวลาเรียกเหมียวทีไร แมวทุกตัวที่ได้ยินเสียงเรียกก็จะวิ่งเข้ามาหาทันที นับว่าประหยัดน้ำลายได้อีกกระบุงโกย

     ทุกๆ เช้าตอนตีห้า ก่อนที่แม่จะออกไปตลาด ไม่ว่าจะรีบหรือยังไงก็ตาม แม่จะต้องให้อาหารแมวก่อนทุกครั้ง ไม่อย่างนั้นเจ้าเหมียวทั้งหลายก็จะต้องวิ่งตามแม่ไปจนถึงปากซอยโน่นแหละ อาหารของเจ้าแมวก็หนีไม่พ้นข้าวคลุกปลาทู แต่ถ้าวันไหนแม่รีบมากๆ ก็จะให้เป็นอาหารเม็ดแทน ซึ่งเป็นที่ถูกใจบรรดาคุณแมวเป็นที่สุด จนฉันพาลคิดไปเองว่า มันคงอยากให้แม่รีบทุกๆ วัน เพื่อที่จะได้กินอาหารเม็ดอันแสนโอชา ว่าเข้าไปนั่น

     ทุกครั้งก่อนฉันจะกลับไปเยี่ยมบ้านจะต้องโทรถามแม่ก่อนว่าแม่อยากได้อะไร แต่คำตอบเดิมๆ ของแม่คือ ให้ซื้ออาหารแมวกลับไปให้ด้วย แล้วแม่หล่ะ อยากได้อะไรเป็นพิเศษหรือเปล่า! “ฉันถามด้วยความเป็นห่วง แม่ก็จะตอบว่า ไม่ต้องหรอกลูก เปลืองตังค์เปล่าๆ แล้วแม่จะรู้มั๊ยนะว่าค่าอาหารแมวน่ะแพงขนาดซื้อข้าวสารได้ตั้งหลายกิโล….

กาแฟกับปาท่องโก๋

******เห็นใครๆ ต่างก็มีบล็อกส่วนตัวกันทั้งนั้น ทำให้ฉันเกิดอาการอยากมีขึ้นมาบ้าง แต่จะทำยังไงดี จะเขียนหัวข้ออะไรดี แม้แต่คำขึ้นต้นก็ยังนึกไม่ออก อาจจะเป็นเพราะว่าห่างหายกับการเขียนมานานมากเหลือเกิน ย้อนกลับไปสมัยยังเป็นวัยรุ่น (ตอนนี้ก็ยังรุ่นนะคะ) ค่อนข้างเป็นคนที่เพ้อฝันและชอบขีดๆ เขียนๆ เห็นดาวเห็นเดือนเห็นตะวัน ก็เขียนเป็นกลอนได้เป็นวรรคเป็นเวร บ่อยครั้งที่ฉันต้องตื่นตั้งแต่ตี 4 เพื่อไปช่วยแม่ที่ตลาด หลังจากเสร็จสิ้นภารกิจก็มักจะไปนั่งที่ร้านกาแฟของเพื่อนตอนตีห้ากว่าๆ ฉันชอบดื่มกาแฟดำ บวกกับปาท่องโก๋ร้อนๆ โอ้โห อร่อยอย่าบอกใครเชียว พร้อมๆ กับนั่งมองดูความวุ่นวายของตลาดยามใกล้รุ่ง เสียงแม่ค้าคุยกันดังลั่น เสียงรถผ่านไปมา เสียงเพลงจากรถขายผ้า ฯลฯ ฉันว่ามันได้อารมณ์แปลกๆ ดีนะ

      ฉันมักจะชอบนั่งละเลียดจิบกาแฟมองดูดวงตะวันที่กำลังค่อยๆ โผล่พ้นทิวเขาสีน้ำเงินทะมึน จนเลยพ้นทิวเขาและแสงสว่างเริ่มรำไร นั่นแหละ ฉันถึงจะลุกจากที่นั่งประจำเพื่อกลับไปนั่งเขียนกลอนต่อที่บ้าน ก่อนที่จะอาบน้ำแต่งตัวไปช่วยแม่ที่ตลาด เป็นกิจวัตรประจำวันของฉันเลยทีเดียว เฮ้อ! คิดถึงวันเก่าๆ แล้วพาลน้ำตาจะไหล เพราะกว่าสิบปีมาแล้วที่ฉันไม่ได้มีโอกาสอย่างที่เคยเป็นมา